หลังจากที่ Apple ได้เปิดตัว iPad 4th generation และ iPad mini ไปก็อาจจะทำให้หลายๆ คนที่พึ่งซื้อ The New iPad ไปคงรู้สึกเหมือนในภาพด้านล่างแน่ๆ
ขนาดตอนที่แอดมินดูถ่ายทอดสด Apple Keynote เมื่อคืนวันที่ 24 ที่ผ่านมา แอดมินยังตกใจกับการอัพเกรดเพียงน้อยนิดของ iPad 4th Generation เลย
แต่ประเด็นที่เราจะมาพูดคุยกันในวันนี้ไม่ใช่เรื่องของ iPad 4th Generation แต่เป็นเจ้า iPad mini ที่ผมว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่คนกำลังสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
เรามาดูกันว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปของเจ้า iPad mini ตัวนี้เหมาะกับใครบ้าง?
- เปลี่ยนขนาดให้เล็กลงจาก 9.7 นิ้ว ให้เหลือเพียง 7.9 นิ้ว เพื่อมาตีตลาด tablet ขนาดเล็ก ในส่วนนี้ถือว่า Apple สามารถตอบโจทย์สำหรับผู้ต้องการซื้อ tablet ขนาดเล็กมาก ซึ่งเล็กขนาดไหนเนี่ยก็ลองดูภาพด้านบน ซึ่งเราจะเห็นว่าสามารถถือมือเดียวได้อย่างสบายๆ
- น้ำหนักเบากว่า iPad 2 ถึง 2 เท่า!!! สำหรับใครที่เคยซื้อ iPad 2 ไปคงจะรู้ว่ามันเบามาก (ถ้าถอด smart cover ออก) แต่ก็ไม่ถึงกับเบาจนกระทั่งสามารถเดินถือมือเดียวแล้วพิมพ์ไปด้วยได้อย่างสบายๆ (อย่างแอดมินก็คนหนึ่งละ ที่ชอบเดินถือ iPad เล่นแล้วตอนแรกๆ จะเมื่อยมือมาก) ซึ่ง iPad mini นั้นมีน้ำหนักเพียง 308 กรัม สำหรับรุ่น WiFi และ 312 กรัม สำหรับรุ่น WiFi + Cellular ในขณะที่ iPad 2 WiFi จะมีน้ำหนัก 601 กรัม และ iPad 2 WiFi + Cellular หนัก 613 กรัม ทำให้แอดมินคิดว่าน้ำหนักที่เบามากขนาดนี้ทำให้เดินเล่นได้อย่างสบายๆ เลย
- กล้องหลังเป็น iSight camera ที่มีความละเอียดถึง 5 ล้านพิกเซล และกล้องหน้ามีความละเอียดถึง 1.2 ล้านพิกเซล!!! ถ้ามาพูดถึงกล้องของ iPad ตั้งแต่ iPad 2 หลายคนคงรู้สึกว่า เอิบ...จะมีมาทำไม ภาพแตกซะขนาดนี้ เพราะทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังของ iPad 2 นั้นเรียกได้ว่าห่วยขั้นเทพเลย แต่พอมาเป็น The New iPad ทาง Apple ก็ได้ทำการอัพเกรดกล้องของ iPad ให้เทพขึ้น จนเรียกได้ว่าทำได้ดีเลยสำหรับ tablet ซึ่่ง iPad mini นี้เองก็ได้รับการอัพเกรดกล้องหลังให้เทียบเท่า The New iPad แล้วก็กล้องหน้าให้เทียบเท่า iPhone 5 ซึ่ง Apple เองก็คงใส่มาเอาใจสาวๆ หลายๆ คนที่ชื่นชอบการถ่ายรูปแน่ๆ
- หน้าจอไม่ใช่ Retina Display!!! ตรงจุดนี้เป็นจุดเดียวเลยที่แอดมินเลือกที่จะยังไม่ซื้อ iPad mini รุ่นแรกนี้ เพราะว่ามันยังไม่ใช่จอแบบ Retina Display ส่วนเหตุผลก็คือแอดมินเป็นคนที่ชอบเล่น Instagram มาก เวลาเล่น app Instagram ใน iPad 2 มันจะทำให้ความละเอียดของ app ไม่คมชัด และรวมถึงภาพที่แสดงใน Instagram ด้วย แต่ถ้าเล่น app Instagram ใน The New iPad เราจะเห็นว่าความละเอียดของ app มีความคมชัดเหมือนเล่นบน iPhone 4 เลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ถึงกับเป็นปัญหาอะไรมากเพราะถ้าเรา jailbreak มันจะมี app ที่ทำให้เราสามารถเล่น app iPhone โดยใช้ความละเอียดระดับ Retina Display ได้ซึ่งก็คือ app RetinaPad
- CPU ยังใช้ตัวเดียวกับ iPad 2 (A5) ส่วนนี้แอดมินขอตอบตรงๆ เลยว่าเรื่องความเร็วของตัว CPU A5 นั้น ยังสามารถใช้งานกับแอพโดยส่วนใหญ่ได้อย่างสบายๆ ที่แอดมินกล้าพูดได้เต็มปากเพราะว่าตอนนี้แอดมินใช้ iPad 2 อยู่ก็แทบจะไม่มีปัญหาเรื่องการใช้งานแต่ละแอพเลย จะมีที่กระตุกๆ อย่างเห็นได้ชัดก็ตอนที่เล่นเกม Infinity Blade 2 บางฉากเท่านั้น (เช่นฉากหน้าปราสาทที่มีแสงจากดวงอาทิตย์ส่องมา) และสำหรับการใช้งานทั่วๆ ไปก็แทบจะไม่เคยเกิดปัญหาอะไรหนักๆ เลย อีกทั้งตัวเครื่องก็ไม่ร้อนเหมือน The New iPad ด้วย เพราะฉะนั้นแอดมินจึงมั่นใจว่า iPad mini นั้นไม่ได้ถือว่า spec มันห่วยแตกจนขนาดรับไม่ได้
- วัสดุด้านหลังใช้แบบเดียวกับ iPhone 5 ซึ่งใช้เป็น aluminium unibody ซึ่งเป็นวัสดุอย่างดี ที่ทำให้ iDevice ของคุณดูเป็นสินค้าระดับ premium ขึ้นมาทันที
- Port ถูกเปลี่ยนมาเป็น Lightning ซึ่งเป็น port ขนาดเล็กมาก พกพาสะดวกว่า port แบบ 30-pin แต่เอาไปใช้กับรุ่น iPhone 4S ลงไป, The New iPad ลงไป ไม่ได้นะจ๊ะ
โดยรวมแล้วเราจะเห็นว่า iPad mini นั้นมันคือ iPad 2 ขนาดย่อส่วนลง แล้วเพิ่มกล้องหลังเป็น iSight camera 5mp และกล้องหน้าเป็น 1.2mp ส่วนแบตเตอรี่ก็เท่าเดิมคืออยู่ได้ 10 ชม. (สำหรับใช้งานปกติ + WiFi) และ 9 ชม. (สำหรับใช้งานแบบ Cellular)
ถ้าถามความเห็นแอดมิน สำหรับคนที่อยากได้ iPad ขนาด 7 นิ้วมานานแล้ว ก็ซื้อใช้ไปเลยครับ ไม่ต้องรอออก iPad mini 2nd Generation หรอก แต่สำหรับคนที่มี iPad อยู่แล้ว และคิดว่า iPad ตัวเดิมมันหนักไปมาก (ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับคนส่วนใหญ่เลย) แล้วไม่ได้ยึดติดอะไรกับคำว่า Retina Display มาก แอดมินว่าซื้อไปเลยครับเพราะมันเบามากๆ (30 กรัมเอง)
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยากจะให้ลองชั่งใจดูก่อนนะครับว่า iPad ที่เราซื้อมาใช้มันคุ้มค่าแล้วหรือยัง? ถ้าคิดว่ายัง แต่ก็มีความรู้สึกว่าเฮ้ยทำไม iPad เราตกรุ่นแล้วว้าา อย่างนี้ต้องซื้อใหม่ๆ แอดมินคิดว่าคุณกำลังใช้เงินอย่างผิดวิธีแล้วหล่ะครับ เพราะสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกก็คือเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่เปลี่ยนไปไวมาก ถ้าเรามัวแต่ตาม ตาม ตามม แล้วก็ตามเทคโนโลยีไปเรื่อยๆ ยังไงก็ไม่มีวันตามทันหรอกครับ บางทีเราลองกลับมาพิจารณาดูว่าสิ่งที่เรามีอยู่มันยังสามารถใช้งานได้มั้ย? เราคิดว่าใช้งานมันเต็มที่หรือยัง? แล้วถ้าเราคิดได้ว่ามันยังใช้งานได้อยู่ผมว่าคุณก็ยังไม่ต้องไปเปลี่ยนอะไรให้มันดูว่าเราอินเทรนด์หรอก ตอนคุณซื้ออุปกรณ์ที่พึ่งออกใหม่มาคุณอาจจะมีเพื่อนของคุณเข้ามาดู เข้ามาร้องว้าวว เจ๋งจัง! แต่มันก็แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ แหละครับ ถ้ายังคิดว่าตัวเองยังมีภาระอยู่แล้วยังมีอุปกรณ์ที่ยังใช้ได้ผมคิดว่าหลักการ "ใช้ชีวิตแบบพอเพียง" ของในหลวงท่าน เป็นหลักการที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตในยุคที่เทคโนโลยีมันไปไวอย่างนี้แล้วแหละครับ ;)
0 comments:
Post a Comment